เมล็ดกาแฟ แต่ละชนิด และความเป็นมาของมัน
เมล็ดกาแฟ แต่ละชนิด เมล็ดกาแฟมีหลายชนิดที่แตกต่างกันตามภูมิภาคและสายพันธ์ุของต้นกาแฟ ซึ่งแต่ละชนิดนั้นมีรสชาติและลักษณะที่เฉพาะตัว เช่น กาแฟอาราบิก้า (Arabica) ซึ่งมีการปลูกแพร่ขยายในพื้นที่สูง มีรสชาติที่หอมและมีความเป็นกรดกว่าชนิดอื่นๆ และกาแฟโรบัสต้า (Robusta) ซึ่งปลูกได้ในพื้นที่ต่ำกว่า และมีความเข้มข้น รสฝาดมากกว่า นอกจากนี้ยังมีชนิดอื่นๆ เช่น ลิเบอริก้า และเอกซ์เซลซ่า เป็นต้น ใน ความเป็นมาของเมล็ดกาแฟ กาแฟเริ่มต้นมาจากภูมิภาคแอฟริกา โดยมีประวัติว่าพบเป็นครั้งแรกที่เอธิโอเปีย ต่อมาการค้ากาแฟได้ถูกนำไปแพร่กระจายในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งก็ทำให้กาแฟเป็นสินค้าที่มีความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก การปลูกกาแฟได้รับการแพร่กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ และปัจจุบันประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอเมริกาใต้, เอเชีย, และแอฟริกาเป็นแหล่งผลิตกาแฟหลักของโลก
เมล็ดกาแฟ แต่ละชนิด กาแฟอาราบิก้า (Arabica)
กาแฟอาราบิก้า (Arabica) เป็นชนิดของ เมล็ดกาแฟที่มีความนิยมสูงสุด และถือเป็นกาแฟที่มีคุณภาพดีที่สุดเมื่อเทียบกับชนิดกาแฟอื่น ๆ ต้นกาแฟอาราบิก้า มีลักษณะเป็นพืชที่ชอบความหนาวเย็น ปกติจะถูกปลูกในพื้นที่ที่มีระดับความสูงตั้งแต่ 600-2,200 เมตร ขึ้นไปเหนือระดับน้ำทะเล เมล็ดกาแฟอาราบิก้ามีรูปร่างที่มนและมีสีเขียวอ่อนๆ รสชาติของกาแฟจากเมล็ดนี้มีความหอมและเป็นกรดมากกว่ากาแฟชนิด Robusta และมีคาเฟอีนน้อยกว่า Robusta ด้วย ซึ่งเป็นเหตุผลที่กาแฟอาราบิก้ามีราคาสูงกว่าในตลาด. ต้นกาแฟชนิดนี้เริ่มต้นมาจากเอธิโอเปีย และต่อมาได้รับความนิยมและปลูกในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่ตั้งอยู่ในซอน “กำแพงกาแฟ” ซึ่งอยู่ในภูมิภาคร้อนชื้น ระหว่างเส้นศูนย์สูตรถึง 23.5 องศาละติจูดทั้งทิศเหนือและใต้
ความเป็นมาของกาแฟอาราบิก้า
กาแฟอาราบิก้า (Coffea arabica) มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะในเอธิโอเปีย. มีเรื่องราวว่าเป็นชาวฮีราที่ชื่อ Kaldi จากเอธิโอเปียเป็นคนแรกที่ค้นพบกาแฟ เมื่อเขาสังเกตว่าแพะของเขาแสดงอาการกระปรี้กระเปร่าและมีพลังงานมากเมื่อกินเมล็ดจากต้นไม้ประเภทหนึ่ง Kaldi จึงลองทดสอบด้วยการทำเมล็ดเหล่านั้นเป็นเครื่องดื่ม แล้วเรียลไซส์ว่ามีรสชาติดีและมีผลกระตุ้นความกระปรี้กระเปร่าในตนเอง ความรู้เรื่องกาแฟ นั้นได้รับการนำไปแพร่ขยายไปยังศูนย์กลางการค้าในเอธิโอเปีย และต่อมาก็ได้ถูกนำไปสู่ประเทศในภูมิภาคอาหรับ โดยเฉพาะในเยเมน ซึ่งนี่คือที่มาของชื่อ “อาราบิก้า”. จากเยเมน, กาแฟได้รับความนิยมและเริ่มขยายมายังทั้งภูมิภาคอาหรับ และหลังจากนั้นก็ได้รับการแพร่กระจายไปสู่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกผ่านเส้นทางการค้า. ต่อมากาแฟอาราบิก้าก็กลายเป็นสินค้าที่มีความนิยมสูงในยุโรป และได้รับการปลูกในฮาวาย, อเมริกาใต้ และประเทศอื่น ๆ ที่มีภูมิภาคที่เหมาะสม
กาแฟโรบัสต้า (Robusta)
กาแฟโรบัสต้า (Robusta) หรือ Coffea canephora คือ ชนิดหนึ่งของเมล็ดกาแฟ ซึ่งต่างจากกาแฟอาราบิก้า (Arabica) ในหลาย ๆ ด้าน ต้นกาแฟโรบัสต้า มีลักษณะที่แข็งแรงและทนทานต่อสภาพภูมิอาหารที่ร้อนกว่า และ โรคที่เกี่ยวกับกาแฟ ทำให้การปลูกได้ในพื้นที่ที่มีระดับความสูงต่ำกว่ากาแฟอาราบิก้า และมักถูกปลูกในภูมิภาคที่มีความร้อนมากขึ้น กาแฟโรบัสต้ามีรสชาติที่เข้มข้นและรสฝาดกว่ากาแฟอาราบิก้า นอกจากนี้ยังมีปริมาณคาเฟอีนที่สูงกว่าอยู่ในช่วง 2.2% – 2.7% เมื่อเทียบกับกาแฟอาราบิก้าที่มีประมาณ 1.2% – 1.5% ต้นกาแฟโรบัสต้ามีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกา, เฉพาะในบริเวณตะวันตกกลางของแอฟริกา การปลูกกาแฟโรบัสต้าได้รับความนิยมในประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย, และ ยูกันดา ปัจจุบัน เวียดนามเป็นประเทศผู้ส่งออกกาแฟโรบัสต้ามากที่สุดในโลก
ความเป็นมาของกาแฟโรบัสต้า
กาแฟโรบัสต้า (Coffea canephora) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Robusta” มีถิ่นกำเนิดที่ภูมิภาคแอฟริกา, โดยเฉพาะในบริเวณตะวันตกกลางของแอฟริกา เช่น คองโก, ยูกันดา, และกินี. ชื่อ “โรบัสต้า” หมายถึงความแข็งแรงและทนทานของต้นพืช ซึ่งมีความสามารถในการทนทานต่อโรคและสภาพภูมิอาหารที่หนักหน่วงได้ดีกว่ากาแฟอาราบิก้า ราวกับศตวรรษที่ 19, กาแฟโรบัสต้าเริ่มถูกนำเข้ามาในยุโรป และเร็วๆ นี้ก็ได้รับความนิยมในการปลูกในประเทศที่มีภูมิภาคร้อน เนื่องจากความสามารถในการทนทานต่อโรคและสภาพภูมิอาหารได้ดี ซึ่งทำให้ต้นกาแฟชนิดนี้มีประโยชน์เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ปลูกที่ต้องการผลผลิตที่มากขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่า ในปัจจุบัน, กาแฟโรบัสต้าได้รับการปลูกขยายในหลายประเทศ, เฉพาะที่ภูมิภาคเอเชียและแอฟริกา, เช่น เวียดนาม, อินโดนีเซีย, และบางส่วนของบราซิล โดยเวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกกาแฟโรบัสต้าที่สำคัญในโลก
กาแฟลิเบอริก้า (Liberica)
กาแฟลิเบอริก้า (Coffea liberica) เป็นชนิดของต้นกาแฟที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปแอฟริกา, โดยเฉพาะในลิบีเรียและสยามาเรีย ณ ชายแดนซีแอร์ราลีโอน. ต้นกาแฟชนิดนี้มีลักษณะที่แตกต่างจากชนิดอื่นๆ ด้วยใบที่มีขนาดใหญ่, เมล็ดกาแฟที่มีขนาดใหญ่และมีรูปร่างคล้ายอัลมอนด์, และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ บางครั้งถูกพิจารณาว่ามีรสชาติที่เข้มข้น และบางครั้งมีรสฝาด ในประวัติศาสตร์ ต้นกาแฟลิเบอริก้าได้รับความนิยมในระยะหนึ่งหลังจากว่า โรคราน้ำค้างพายุสามารถเข้าทำลายต้นกาแฟอาราบิก้าในซูลาเวสี ในช่วงทศวรรษ 1890 ดังนั้น กาแฟลิเบอริก้าจึงถูกนำเข้าเป็นทางเลือกในการปลูกแทนกาแฟอาราบิก้าในบางประเทศ เช่น ฟิลิปปินส์. อย่างไรก็ตาม การต้อนรับต่อรสชาติของกาแฟลิเบอริก้าในตลาดสากลไม่ดีเท่ากาแฟอาราบิก้าหรือโรบัสต้า ฉะนั้น ต้นกาแฟชนิดนี้ก็ไม่ได้รับความนิยมในระดับโลกเท่าชนิดอื่น แต่ยังคงถูกปลูกในบางพื้นที่เพื่อตอบสนองตลาดในท้องถิ่นหรือสำหรับความหลากหลายทางพันธุกรรม
ความเป็นมาของกาแฟลิเบอริก้า
กาแฟลิเบอริก้า (Coffea liberica) มีถิ่นกำเนิดเริ่มต้นที่แอฟริกาตะวันตก, โดยเฉพาะในลิบีเรีย ดังชื่อที่มันถูกตั้งขึ้น ซึ่งเป็นความแตกต่างจากชนิดอื่นๆ อย่าง กาแฟอาราบิก้า และ กาแฟโรบัสต้า ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในบริเวณอื่นๆ ของแอฟริกา ในศตวรรษที่ 19, เมื่อโรคราน้ำค้างพายุของกาแฟเริ่มแพร่กระจายในพื้นที่ปลูกกาแฟอาราบิก้าของซีลัน (ปัจจุบันคือ ศรีลังกา) นักธุรกิจที่ปลูกกาแฟในท้องถิ่นเริ่มมองหาแนวทางที่จะหาต้นกาแฟที่ทนทานต่อโรคเพื่อแทนที่ความสูญเสีย กาแฟลิเบอริก้าจึงถูกนำเข้าและปลูกเป็นทางเลือกในบางพื้นที่ เช่น ฟิลิปปินส์ แต่เนื่องจากกาแฟลิเบอริก้ามีรสชาติที่แตกต่างจากกาแฟอาราบิก้าและไม่ได้รับการต้อนรับในตลาดสากลอย่างกว้างขวาง การปลูกกาแฟชนิดนี้จึงไม่ได้รับความนิยมในระดับโลกเท่ากาแฟชนิดอื่น แต่กาแฟลิเบอริก้ายังคงมีบทบาทในบางตลาดท้องถิ่น และในการค้นคว้าและศึกษาด้านพันธุกรรมของกาแฟ
วิธีการเลือกและเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ
การเลือกและเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อรักษาคุณภาพและรสชาติของกาแฟ ดังนั้น, ควรปฏิบัติตามขั้นตอนและคำแนะนำดังต่อไปนี้
การเลือกเมล็ดกาแฟ
- ความสด: เลือกเมล็ดกาแฟที่มีการคั่วใหม่และมีการบรรจุอย่างถูกต้อง ควรหลีกเลี่ยงเมล็ดที่เก็บนานหรือแสดงอาการของการปกปิด (เช่น มีความชื้นหรือมีรอยจุดที่ไม่ปกติ)
- สี: เมล็ดกาแฟที่คั่วเต็มที่จะมีสีน้ำตาลเข้ม หลีกเลี่ยงเมล็ดที่มีสีไม่สม่ำเสมอหรือมีสีเขียว
- ขนาดและรูปร่าง: เมล็ดที่สม่ำเสมอในขนาดและรูปร่างมักให้คุณภาพที่ดีกว่าเมล็ดที่ไม่สม่ำเสมอ
การเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ
- การบรรจุ: ใช้ภาชนะที่มีปิดปากแน่นหนาและไม่ให้แสงผ่านเข้ามา เพื่อป้องกันความชื้นและแสง
- อุณหภูมิ: เก็บในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือมีแสงแดดยามกลางวัน
- ความชื้น: หลีกเลี่ยงความชื้น เพราะจะส่งผลให้เมล็ดกาแฟเสื่อมคุณภาพ
- การเก็บระยะยาว: ถ้าคุณต้องการเก็บเมล็ดกาแฟในระยะยาว, การแช่แข็งเป็นวิธีที่ดี แต่เมื่อเอาออกมาแช่แข็งครั้งแรก, ควรหลีกเลี่ยงการนำกลับเข้าตู้แช่แข็งอีก
พื้นที่เก็บ
- ให้เก็บเมล็ดกาแฟในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี เช่น ในตู้หรือชั้นวางของ และหลีกเลี่ยงการเก็บใกล้แหล่งกลิ่น เพราะเมล็ดกาแฟสามารถดูดซับกลิ่นจากสิ่งแวดล้อมได้
โดยรวม, การเลือกและเก็บรักษาเมล็ดกาแฟอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับรสชาติและกลิ่นของกาแฟที่สดและมีคุณภาพสูงได้
ข้อควรระวังในการบริโภคกาแฟ
การบริโภคกาแฟมีประโยชน์ต่างๆ แต่เพื่อให้ได้รับประโยชน์เต็มที่และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียง, ผู้บริโภคควรคำนึงถึงข้อควรระวังดังต่อไปนี้
- ปริมาณการบริโภค: การบริโภคกาแฟเป็นปริมาณมากในเวลาสั้น ๆ อาจทำให้เกิดอาการเต้นเร็วของหัวใจ, ภาวะวิตกกังวล, การนอนไม่หลับ, และอาการท้องเสีย.
- คาเฟอีน: กาแฟมีคาเฟอีนซึ่งเป็นสารกระตุ้น ผู้ที่ตอบสนองกับคาเฟอีนได้ง่ายอาจเกิดอาการวิตกกังวล, เป็นภาวะท้องเสีย, หรือความดันโลหิตสูง.
- กรดในกาแฟ: บางคนอาจแพ้หรือได้รับอิทธิพลจากกรดในกาแฟ ทำให้เกิดอาการปวดท้อง, เผาะผาน, หรือกรดไหลย้อน.
- เวลาการบริโภค: ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟใกล้เวลานอน เนื่องจากคาเฟอีนอาจทำให้นอนไม่หลับ.
- เสพติดและการขาดเหนี่ยวนำ: การบริโภคกาแฟอย่างต่อเนื่องและมีปริมาณมากอาจทำให้ร่างกายขึ้นเสพติดกับคาเฟอีน หากหยุดบริโภคแบบกะทันหันอาจเกิดอาการเวียนศีรษะ, ความเหนื่อยล้า, หรือปวดศีรษะ.
- เพิ่มน้ำหนัก: การดื่มกาแฟที่มีนมและน้ำตาลปริมาณมากอาจเพิ่มแคลอรีและทำให้เกิดการเพิ่มน้ำหนัก.
- บุคคลที่มีโรคประจำตัว: ผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง, โรคหัวใจ, หรือโรคอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการบริโภคกาแฟในปริมาณมาก.
- การรับประทานยา: คาเฟอีนในกาแฟอาจมีการปฏิสัมพันธ์กับยาบางชนิด ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน